การจัดฟันในเด็กเป็นกระบวนการที่ช่วยปรับตำแหน่งของฟันและขากรรไกรให้เหมาะสม เพื่อให้เด็กมีสภาวะช่องปากที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการเคี้ยว การพูด และการเรียงตัวของฟันที่สวยขึ้น อันส่งผลต่อความมั่นใจ เสริมสร้าง self esteem ให้กับเด็กได้มากขึ้น โดยทั่วไปการจัดฟันในเด็กสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะหลัก ๆ ดังนี้:
🔹 ระยะที่ 1: จัดฟันแบบป้องกัน หรือจัดฟันในระยะเจริญเติบโต (Early/Interceptive Orthodontic Treatment)
• อายุ: ประมาณ 6–10 ปี (ช่วงที่เด็กมีฟันน้ำนมและฟันแท้ขึ้นผสมกันและอยู่ในช่วงการเจริญ้ติบโต)
• วัตถุประสงค์:
>ป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการสบฟันผิดปกติในระยะแรก
>ควบคุมการเจริญเติบโตของขากรรไกร ให้เป็นไปในแนวที่ถูกต้อง คือให้ทั้งขากรรไกรบนและล่างสามารถขยายขนาดได้โดยไม่มีสิ่งขัดขวางต่อการขยายขนาด
>รักษาพื้นที่สำหรับฟันแท้ที่จะขึ้นในอนาคต
🔹 ระยะที่ 2: จัดฟันเมื่อฟันแท้ขึ้นครบ (Comprehensive Treatment)
• อายุ: ประมาณ 11–13 ปี ขึ้นไป (ช่วงที่ฟันแท้ขึ้นครบแล้ว และเป็นช่วงปลายของการเจริญเติบโต)
• วัตถุประสงค์:
>แก้ไขตำแหน่งของฟันให้เรียงตัวอย่างเหมาะสม
>ปรับการสบฟันให้ถูกต้อง
💎ปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดฟันในเด็กปัญหาบางอย่างในเด็ก ควรได้รับการจัดฟันโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหารุนแรงในอนาคต หรือเพื่อให้การเจริญเติบโตของขากรรไกรและฟันเป็นไปอย่างเหมาะสม ทั้งหมดนี้ถือเป็น“ภาวะเร่งด่วนในการจัดฟัน” ที่ไม่ควรรอจนฟันแท้ขึ้นครบ เช่น
1. ฟันล่างคร่อมฟันบน (Crossbite) ทั้งฟันหน้าและฟันหลัง
• เกิดจากขากรรไกรบนแคบกว่าขากรรไกรล่าง ซึ่งโดยปกติขากรรไกรบนต้องมีขนาดที่ใหญ่กว่าขากรรไกรล่างในทุกทิศทาง
• ปัญหานี้อาจทำให้เด็กใช้ขากรรไกรข้างเดียวในการเคี้ยว ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการเบี้ยวของใบหน้าเมื่อโตขึ้น
• หากแก้ไขเร็ว จะช่วยให้ขากรรไกรบนไม่ถูกขัดขวางการเจริญเติบโต และป้องกันไม่ให้ขากรรไกรล่างเจริญยื่นยาวเกินไป ซึ่งจะทำให้เด็กมีรูปร่างใบหน้าที่สวยและสมดุลภายหลังการแก้ไข
2. ฟันยื่นมากผิดปกติ (Protrusion)
• ฟันหน้าบนยื่นออกมามากกว่าปกติ เสี่ยงต่อการกระแทกหรือหักหากเกิดอุบัติเหตุ
• การจัดฟันแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงและปรับสัดส่วนใบหน้า
3. ฟันสบลึก (Deep bite)
• ฟันหน้าบนครอบฟันหน้าล่างมากเกินไป อาจกัดโดนเหงือกล่าง หรือฟันล่างทำร้ายเพดานปาก ทำให้เด็กมักบ่นปวดเหงือก หรือมีเหงือกเป็นรอยช้ำบริเวณเหงือกด้านเพดานของฟันหน้าบน
5. นิสัยผิดปกติที่ส่งผลต่อฟัน
• เช่น การดูดนิ้วนานเกินไป ลิ้นดุนฟัน หายใจทางปาก ซึ่งส่งผลต่อรูปร่างขากรรไกรอย่างชัดเจน คือ ขากรรไกรบนแคบ ฟันยื่น หรือฟันสบไม่สนิท
6. ฟันแท้ไม่มีที่ขึ้น (Tooth Impaction / Crowding)
• ฟันแท้ไม่มีที่ขึ้น เพราะการถอนฟันน้ำนมที่เร็วเกินไปอันมีสาเหตุมาจากฟันผุและไม่ได้ใส่เครื่องมือกันข่องว่าง หรือพื้นที่ในปากไม่พอจากกรรมพันธุ์
✅ ทำไมต้องจัดฟันเร็วในกรณีเหล่านี้?
• ปรับแนวการเจริญเติบโตของขากรรไกรให้สมดุล นำไปสู่การสบฟันที่ถูกต้อง ทำให้เด็กมีใบหน้าและการเรียงตัวของฟันที่สวย ซึ่งนำไปสู่ความมั่นใจ
• ป้องกันความผิดปกติถาวรที่อาจต้องผ่าตัดเมื่อโต
• ลดเวลาและความซับซ้อนของการจัดฟันในอนาคต
💎เครื่องมือจัดฟันในเด็ก (Orthodontic Appliances for Children)
🔹 1. เครื่องมือถอดได้ (Removable Appliances) ตัวอย่างเครื่องมือ
-เพลทขยายขากรรไกร (Expansion Plate)ใช้ขยายเพดานหรือขากรรไกรบนให้กว้างขึ้น เพื่อสร้างพื้นที่ให้ฟันแท้
-เครื่องมือถอดได้จัดฟันเบื้องต้น
ขยับฟันบางซี่ให้เข้าที่ เหมาะกับปัญหาเล็กน้อย
-เครื่องมือกันนิสัย (Habit Breaker)
ป้องกันการดูดนิ้ว ดุนลิ้น หรือพฤติกรรมที่มีผลเสียต่อฟัน
-Bionator / Twin Block เป็นเครื่องมือกระตุ้น/ควบคุมการเจริญของขากรรไกร เช่น กรณีขากรรไกรล่างเล็กกว่า
-การจัดฟันใส แบบ Invisalign
📝 ข้อดี: ถอดออกได้ สะดวกในการแปรงฟัน
📌 ข้อควรระวัง: เด็กต้องมีวินัยในการใส่ตามคือต้องใส่เครื่องมือตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ (เช่น 16–22 ชั่วโมงต่อวัน)
• หากใส่ไม่สม่ำเสมอ อาจไม่ได้ผลหรือเสียเวลารักษา
• เด็กบางคนอาจถอดบ่อยหรือทำหายส่งผลให้การรักษาล้มเหลว หรือไม่เป็นไปตามแผน
🔹 2. เครื่องมือติดแน่น (Fixed Appliances)ตัวอย่างเครื่องมือ
-เหล็กจัดฟัน (Braces)
ช่วยขยับฟันทุกซี่ให้เรียงตัวอย่างเหมาะสม
-เครื่องมือขยายขากรรไกรแบบติดแน่น (Fixed Expander)ใช้ขยายขากรรไกรในกรณีที่แคบมากหรือเด็กที่ไม่ให้ความร่วมมือในการใส่เครื่ิงมือถอดได้
-อุปกรณ์ควบคุมการเจริญเติบโต (Functional Appliances)ช่วยกระตุ้นหรือควบคุมการเจริญของขากรรไกร เช่น กรณีขากรรไกรล่างยื่น
🔹 3. อุปกรณ์เสริม (Auxiliaries)
• Headgear: เครื่องมือภายนอก ใช้ดึงฟันและควบคุมการเจริญเติบโตของขากรรไกร
• รีเทนเนอร์ (Retainer): ใช้หลังถอดเครื่องมือจัดฟัน เพื่อคงสภาพฟันไม่ให้เคลื่อนกลับ
การจัดฟันแบบ 2 by 4 (2×4 appliance) เป็นการจัดฟันชนิดพิเศษที่นิยมใช้ใน เด็กอายุ 7–12 ปี ที่ยังมีฟันน้ำนมบางซี่อยู่ โดยเฉพาะในช่วง ฟันผสม (mixed dentition) ก่อนจะฟันแท้ขึ้นครบ
🦷 จัดฟันแบบ 2 by 4 คืออะไร?
• เป็นการติดแบร็กเก็ต (brackets) จำนวน 4 ซี่ บนฟันหน้าบน
• และติดวงแหวน (bands) หรือท่อโลหะไว้บนฟันกรามน้ำนมหลังสุด 2 ซี่ (บนหรือ/และล่าง)
• รวมทั้งหมด 6 ซี่ (2 + 4 = 6) ซึ่งช่วยควบคุมการเคลื่อนฟันและทิศทางการสบฟัน
✅ ใช้เพื่ออะไร?
การจัดฟันแบบ 2x4 เหมาะกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น:
1. ฟันหน้าขึ้นผิดตำแหน่ง (เช่น ฟันซี่กลางไขว้)
2. ฟันหน้าซ้อนเก / บิดเอียง
3. สบฟันหน้าแบบคร่อม (anterior crossbite)
4. ช่วยเตรียมพื้นที่ให้ฟันแท้ขึ้นได้ถูกตำแหน่ง
5. ควบคุมการเคลื่อนไหวฟันหน้าในเด็กเล็ก อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เพลทถอดได้
⏳ ระยะเวลาในการรักษา
• ปกติใช้เวลา ไม่เกิน 6–12 เดือน
• หลังจากนั้น อาจเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือแบบอื่น เช่น รีเทนเนอร์ หรือรอจนฟันแท้ขึ้นครบเพื่อจัดฟันเต็มรูปแบบ
📌 ข้อดีของการจัดฟันแบบ 2x4
• ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เร็ว โดยไม่ต้องรอจนฟันแท้ขึ้นครบ
• มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เครื่องมือถอดได้ในบางกรณี
• ควบคุมการเคลื่อนฟันได้แม่นยำ
📌 ข้อจำกัด
• ใช้ได้เฉพาะในช่วงฟันผสม (ต้องมีฟันกรามน้ำนมและฟันหน้าถาวร)
• ต้องดูแลความสะอาดฟันดี เพราะมีเครื่องมือติดแน่น
✅การจัดฟันใสในเด็ก (Clear aligners for children) เป็นทางเลือกในการจัดฟันที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กโตหรือวัยรุ่นตอนต้นที่ฟันแท้ขึ้นครบแล้วบางส่วน หรือใกล้ครบ ซึ่งมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ต้องพิจารณาเงื่อนไขและข้อจำกัดเช่นกัน
✅ ข้อดีของการจัดฟันใสในเด็ก
1. สวยงาม ไม่เห็นเหล็ก – ตัวเครื่องมือใสแทบมองไม่เห็นเมื่อใส่อยู่
2. ถอดออกได้ – เด็กสามารถถอดขณะรับประทานอาหารหรือแปรงฟันได้
3. ทำความสะอาดง่าย – ลดความเสี่ยงฟันผุและเหงือกอักเสบจากคราบอาหาร
4. ไม่เจ็บมากเหมือนจัดเหล็ก – ไม่มีเหล็กหรือลวดที่อาจบาดกระพุ้งแก้ม
5. ลดจำนวนครั้งที่ต้องไปพบหมอฟัน – หากวางแผนไว้ดี จะไม่ต้องปรับลวดบ่อย ๆ
⚠️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด
1. ต้องมีวินัยสูง – ต้องใส่เครื่องมืออย่างน้อยวันละ 20-22 ชั่วโมง ถอดเฉพาะตอนกินและแปรงฟัน
2. ไม่เหมาะกับเด็กเล็กที่ยังมีฟันน้ำนมเยอะ – ส่วนมากเริ่มใช้ได้ในช่วงอายุ 7 ปีขึ้นไป ถ้าฟันแท้ขึ้นพอสมควรแล้ว
3. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันปกติ – อาจแพงกว่าแบบเหล็ก 2-3 เท่า
4. บางกรณีซับซ้อนอาจใช้เหล็กดีกว่า – เช่น ฟันซ้อนมาก หรือขากรรไกรผิดรูป
👶 จัดฟันใสเหมาะกับเด็กแบบไหน?
• เด็กที่มีฟันแท้ขึ้นแล้วหลายซี่
• เด็กที่มีปัญหาฟันเก ห่าง หรือสบฟันไม่ดีในระดับปานกลาง
• เด็กที่มีวินัยและสามารถดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่ง
• พ่อแม่สามารถช่วยดูแลให้เด็กใส่อุปกรณ์ได้ตามที่กำหนด
📌 ตัวอย่างแบรนด์จัดฟันใสที่ทำสำหรับเด็ก
• Invisalign First – สำหรับเด็กอายุประมาณ 6-10 ปี
• Invisalign Teen – สำหรับวัยรุ่น
• แบรนด์อื่น ๆ อาจมีทางเลือกคล้ายกัน เช่น Spark, Zenyum (เฉพาะบางกรณี), และแบรนด์ท้องถิ่น
❤️โดยสรุป
✔️ ควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์จัดฟันเมื่อใด?
สมาคมทันตแพทย์จัดฟันอเมริกัน (AAO) แนะนำให้พาเด็กไปตรวจกับทันตแพทย์จัดฟัน ตั้งแต่อายุประมาณ 7 ขวบ แม้ว่าจะยังไม่ต้องจัดฟันทันที แต่สามารถประเมินและวางแผนได้ตั้งแต่เนิ่น และการจัดฟันในเด็กไม่ได้เป็นแค่เรื่อง “ความสวยงาม” แต่เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อสุขภาพช่องปาก การเจริญเติบโต และความมั่นใจของเด็ก